วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552
การคิดเชิงบวก
ความหมายของการคิดเชิงบวก การคิดเชิงบวก หมายความว่า จะต้องพยายามหามุมมองที่แตกต่างออกไปจากมุมมองปกติที่เราเคยมองให้มันเป็นบวกให้มันเป็นประโยชน์กับชีวิตของเราและก็เป็นประโยชน์กับชีวิตของคนอื่นด้วย เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจหรือว่าสภาพของสังคมสับสนโดยเฉพาะยุคนี้เราจะเห็นว่ามีอะไร ๆ ที่วุ่นวายเกิดขึ้นในชีวิตของเรามากจริง ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัว ชีวิตการทำงานชีวิตในสังคม หรือแม้แต่ชีวิตของคนที่อยู่รอบ ๆ ข้างล้วนทำให้เราขาดความสุข มีความเครียด ทำอย่างไรเราจะคิดให้ตัวเรามีความสุขเพิ่มขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่ทุกข์ให้มากขึ้นกว่านี้ หรือมีความทุกข์น้อยลง อะไรที่เป็นสภาพการณ์หรือเหตุการณ์วิกฤตให้มองหาแง่มุมดี ๆ ยกตัวอย่างเช่น เราทำงานหนักมากเลยในช่วงชีวิตตอนนี้ ถ้าเรามัวแต่คิดในเชิงลบว่า “ตายแล้ว ชีวิตนี้ฉันแย่แน่เลยไม่สามารถจะมีความสุขอย่างคนอื่นได้ เพราะต้องทำงานทุกวัน ๆ ทำไมคนอื่นเขาช่างสบาย” พอคิดอย่างนี้เราก็เกิดท้อแท้ ลองคิดใหม่มองอีกมุมหนึ่ง ถ้าทำงานได้ทุกวัน ทำงานหนักกว่าคนอื่น แปลว่าเรามีความสามารถ เป็นคนที่มีคุณค่า และการทำงานมากทำงานหนักนี้เองจะช่วยให้เรามีประสบการณ์มากกว่าคนอื่น งานที่จะทำให้เกิดผลงานและงานนั้นก็จะช่วยให้เรามีสิ่งตอบแทนตามมา มีงานมากดีกว่าไม่มีงานทำ เพราะฉะนั้นถ้าเราคิดได้อย่างนี้เราก็จะมาจัดระบบงานของเราให้ดีขึ้น งานมีเยอะก็จริง จะทำงานไหนก่อนดี งานไหนเป็นงานที่จำเป็นจะต้องทำก่อน งานไหนเป็นงานที่ต้องทำหลัง แล้วค่อยๆ ทำไปทีละงาน ๆ ในที่สุดงานก็จะน้อยลง ถ้าไม่ไปรับงานเพิ่มให้มันมากขึ้นอีก หรือเราคิดว่าเราจัดระบบได้ดีเราก็ไปรับงานเพิ่มขึ้นได้อีก นี่คือมุมมองหนึ่งของการคิดเชิงบวก ถ้าเมื่อไรเราคิดเชิงบวกเราจะมีความสุขคนที่มีความสุขชีวิตมีคุณภาพ เพราะว่าถ้ามีสุขภาพจิตที่ดีแล้วก็สามารถมีพลังต่อสู้กับชีวิตได้ดีขึ้น ความสำคัญของการคิดเชิงบวก การคิดเชิงบวกเป็นการหามุมมองที่เป็นบวก มุมมองที่ทำให้เรานั้นมีแง่คิดที่ดี มุมมองที่ทำให้เรามีกำลังใจ มุมมองที่ทำให้เรารู้สึกมีความทุกข์น้อยลง มุมมองที่ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น มีแรงจูงใจที่จะต่อสู้กับชีวิต ที่จะเผชิญชีวิต หรือที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เพราะฉะนั้นถ้าสามารถคิดในเชิงบวกได้ตลอดเวลา แปลว่าสามารถมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพและความสุข วิธีการพัฒนาการคิดเชิงบวกก่อนอื่นต้องฝึกการคิดเชิงบวก ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่มีใครมาพูดกับเราไม่สุภาพ เราจะรู้สึกโกรธทันทีแต่ถ้าเราฝึกคิดนิดหนึ่งว่า การพูดไม่สุภาพของเขามันช่างไม่น่าฟังเลย จะเป็นข้อดีกับเราได้อย่างดีเลยว่าเราจะไม่พูดคำนี้กับใครอีก เพราะถ้าเราพูดกับคนอื่นเขาคงคิดไม่ดีกับเราแบบนี้ เพราะฉะนั้นดีนะที่คน ๆ นี้ มาพูดแบบนี้กับเราทำให้เรารู้สึกว่า
เราจะไม่พูดแบบนี้กับคนอื่น เห็นไหมแทนที่จะโกรธเขากลับทำให้เรารู้สึกว่าเรามีกระจกเงาที่มาสะท้อนให้เราเห็นก่อนที่เราจะไปทำอะไรที่ไม่ดีนั้น เราก็จะสบายใจไม่ต้องไปกังวลกับสิ่งที่เขาว่าเรา เพียงแต่เราต้องไม่ทำอย่างที่เขาว่าเรา การคิดเชิงบวกก็จะมีความสุขมากกว่าไปโกรธ หัดคิดเชิงบวกบ่อย ๆ ปกติคนเรามักจะมองอะไรเป็นเชิงลบเสมอ เวลาที่ใครพูดถึงตัวของเราไม่ดีเราจะโกรธ การโกรธเป็นการสกัดกั้นการพัฒนาตนเอง เพราะฉะนั้นเวลาที่ใครว่าอะไรเรา เรากลับมาคิดอีกมุมหนึ่งว่าเขาเตือนเราหรือเปล่า เขาบอกอะไรเราหรือเปล่าจะเป็นการช่วยพัฒนาตัวเราเองให้ดีขึ้น ตัวอย่างการคิดเชิงบวกที่เห็นเป็นรูปธรรม ช่วงนี้เป็นช่วงเปิดเทอมผู้ปกครองหลายคนมีความเครียด ทั้งในแง่ของการเตรียมลูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นลูกเล็ก ๆ จะเตรียมลูกไปโรงเรียนอย่างไรดีวันแรกลูกรักของเราถึงจะไม่ร้องไห้ เราก็ต้องคิดในเชิงบวกว่า การไปโรงเรียนของลูกเรานั้นแม้ว่าจะอยู่ห่างกัน แม้ว่าจะร้องไห้งอแง แต่มันก็เป็นประสบการณ์ชีวิตถ้าเขาจะเริ่มได้เรียนรู้ เพราะฉะนั้นเวลาที่ไปส่งลูกแล้วลูกร้องไห้ อย่าใจอ่อน อย่าตามใจ แต่ให้มองดูลูกอย่างภาคภูมิใจว่าลูกกำลังได้รับประสบการณ์ชีวิตซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เขาต้องต่อสู้กับการอยู่ห่างกับพ่อแม่ชั่วขณะ และข้อสำคัญจะต้องให้เขามั่นใจว่าการห่างกันนั้นเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เดี๋ยวเราก็จะพบกันใหม่เพื่อให้ลูกมั่นใจ และก็ฝึกตนเอง ที่จะอยู่ตามลำพังกับคนอื่นโดยไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยชั่วคราวเป็นการเรียนรู้ชีวิต นี่เป็นเรื่องของการคิดเชิงบวกที่ฝึกกันได้ง่าย ๆ และเห็นกันชัด ๆ การคิดเชิงบวกเป็นเรื่องของการมองมุมที่เราไม่เคยมองโดยปกติประจำวัน โดยมุมที่เรามองนั้นจะเป็นมุมที่จะช่วยให้เราสบายใจขึ้น ความสบายใจถือว่าเป็นประโยชน์แก่ตัวเราเอง จะมีผลไปถึงประโยชน์ที่จะเกิดกับครอบครัวถ้าคนในครอบครัวของเราอยู่กันอย่างมีความสุข มองกันในแง่ดี ในเชิงบวก อะไรที่มันจะทำให้เดือดร้อนรำคาญใจก็เฉยเสีย หันไปมองในมุมที่ดีขึ้น แล้วจากการที่ครอบครัวมีความสุขนี้เองก็จะส่งผลไปถึงสังคมและประเทศชาติในที่สุด การคิดเชิงบวกนั้นมีความสำคัญกับคุณภาพชีวิต ทั้งในเชิงชีวิตส่วนตัวบุคคล ทั้งในเชิงชีวิตของครอบครัวที่เราเป็นสมาชิกอยู่ แล้วในเชิงคุณภาพชีวิตของสังคมที่เราเป็นสมาชิก